ข้อสอบใบขับขี่ พร้อมเฉลย เรื่อง การขับขี่และการดูแลรักษา | Thai Drive Exam

ข้อสอบใบขับขี่ พร้อมเฉลย เรื่อง การขับขี่และการดูแลรักษา

13/10/2022 | 422053

    • ต้องให้สัญญาณแก่ผู้อื่นรับรู้
    • แซงแล้วเหยียบเบรกทันที
    • รีบเร่งเครื่องแซงอย่างรวดเร็ว
    • รีบเปลี่ยนช่องทางอย่างรวดเร็ว
    • ลดความเร็วเมื่อมีคนข้ามถนน
    • จอดรถบริเวณทางร่วมทางแยก
    • ลดความเร็วเมื่อถึงวงเวียน
    • ลดความเร็วเมื่อถึงที่คับขัน
    • เมื่อเร่งรีบไปทำงาน
    • เมื่อฝนตกหนัก
    • เมื่อไม่สามารถมองเห็นทางในระยะต่ำกว่า 150 เมตร
    • เมื่อมีควันไฟปกคลุมถนน
    • หยุดรถให้รถทางขวามือผ่านไปก่อนจึงเลี้ยวขวาได้
    • หยุดรถให้รถทางตรงวิ่งสวนมาก่อนจึงเลี้ยวขวาได้
    • เลี้ยวขวาได้ทันที
    • ห้ามเลี้ยวรถ
    • เติมให้สูงกว่าที่กำหนดเล็กน้อย
    • เติมให้ต่ำกว่าที่กำหนดเล็กน้อย
    • เติมให้อยู่ในระดับที่กำหนด
    • เติมจนล้นแล้วปิดฝา
    • นิ้วมือทั้งห้าแตะที่พวงมาลัย สามารถหมุนพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว
    • ให้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับพวงมาลัยเพียงสองนิ้ว
    • นิ้วมือทั้งห้ากำพวงมาลัยให้แน่นที่สุด
    • นิ้วมือทั้งห้า จับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว
    • รถเก่า แรงน้อย ต้องหลบซ้าย
    • รถทุกคันต้องวิ่งตามความเร็วที่กฏหมายกำหนด
    • รถใหม่ราคาแพง ต้องชิดขวา
    • รถวิ่งเร็วต้องเปิดไฟสูงตลอดเวลา
    • ติดเครื่องฟังเสียงสายพานเครื่องยนต์
    • ใช้นิ้วมือกดสายพานเครื่องยนต์
    • ดูด้วยตาเปล่า
    • ใช้มือคลำสายพานเครื่องยนต์
    • รถบรรทุกคนโดยสารต้องขับช่องขวาสุด
    • การเปลี่ยนช่องทางเดินรถไปซ้ายหรือขวาไม่ต้องดูกระจกด้านซ้ายหรือขวา
    • รถบรรทุกสิ่งของต้องขับช่องขวาสุด
    • รถจักรยานยนต์ต้องขับในช่องซ้ายสุด
    • บีบแตรเตือนหลายๆ ครั้งก่อนถึงโค้ง
    • เตือนด้วยการเปิดไฟสูง-ต่ำ
    • ขับรถด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
    • ชะลอความเร็วให้เหมาะสมกับโค้ง
    • หยุดรถ
    • ชะลอความเร็วและให้ทางแก่เขาไปก่อน
    • เร่งความเร็วเพื่อจะไปก่อน
    • จอดรถ
    • ขับรถนอกเขตเทศบาลใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    • ขับรถตามความพอใจของตัวเอง
    • ขับช้าและชิดด้านซ้าย
    • ขับรถในเขตเทศบาลใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    • ทั้งรถ A และรถ B
    • คันที่มาถึงทางร่วมทางแยกก่อน
    • รถคัน B
    • รถคัน A
    • แซงรถในอุโมงค์
    • ขับรถกีดขวางการจราจร
    • ขับรถคร่อมเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ
    • ขับรถใช้ความเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
    • รอประกันภัย
    • รอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    • การเคลื่อนย้ายรถที่เกิดเหตุ
    • การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
    • น้ำสบู่
    • น้ำบาดาล
    • น้ำฝน
    • น้ำกลั่น
    • อยู่ระหว่างเกณฑ์สูง-ต่ำ ที่กำหนดไว้ข้างถังพักน้ำ
    • ครึ่งถัง
    • เติมเท่าไหร่ก็ได้
    • เต็มถัง
    • บุคคลทุกคน
    • ผู้โดยสารเท่านั้น
    • คนขับรถเท่านั้น
    • คนเดินเท้าเท่านั้น
    • ใช้ความเร็วคงที่
    • เพิ่มความเร็วให้มากขึ้นกว่าเดิม
    • ลดความเร็วลงให้มากที่สุด
    • ควบคุมความเร็วให้เหมาะสมกับโค้งหรือมุมเลี้ยว
    • ผู้ที่จะเลี้ยวซ้ายต้องหยุดให้ทางแก่รถที่เลี้ยวมาจากทางขวาก่อน
    • ผู้ที่จะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวได้ทันที
    • ห้ามเลี้ยวซ้าย
    • ผู้ที่จะเลี้ยวขวาต้องหยุดให้ทางแก่รถที่เลี้ยวมาจากทางซ้ายก่อน
    • รถ
    • ถนน
    • ผู้ขับขี่
    • สิ่งแวดล้อม
    • เปิดไฟสูงขณะที่ไม่มีรถสวนทางมา
    • เปิดไฟสูงเพื่อไล่รถคันหน้า
    • เปิดไฟสูงขณะรถสวนกัน
    • เปิดไฟสูงขณะขับรถตามหลังรถคันอื่น
    • ขณะจะเปลี่ยนเกียร์
    • ขณะจะหยุดรถ
    • ขณะขับรถลงทางลาดชัน
    • ขณะจะสตาร์ทเครื่อง
    • ต้องขับคล่อมเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ
    • ต้องขับรถชิดด้านซ้ายสุด
    • ต้องขับรถอยู่ในช่องทางที่ให้ขับตรงไป
    • ต้องขับรถชิดด้านขวาสุด
    • เวลาเปียกน้ำจะไม่เกาะยาง
    • ยางจะมีสีดำสนิท
    • มีรอยแตกร้าวตามแนวขอบยาง
    • ยางจะมีสีขาวนวล
    • เอาเหล็กมาตีที่หน้ายาง
    • ดูด้วยตาเปล่า
    • ใช้มือคลำ
    • ใช้เครื่องวัดลมยาง
    • ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และขับรถต่อไป
    • ตั้งสติ จอดรถข้างทาง
    • ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และหยุดรถทันที
    • ขับรถไปต่อท้ายรถคัน ข. เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง
    • ขับรถไปจอดคู่กับรถคัน ข. ทางด้านขวา
    • หยุดรถให้รถคัน ข. ขับผ่านไปก่อน
    • ขับรถไปต่อท้ายรถคัน ข. และเปิดไฟฉุกเฉิน
    • เพื่อให้ความร้อนของเครื่องยนต์สูงกว่าปกติ
    • เพื่อให้รถมีความเร็วมากขึ้น
    • เพื่อให้เครื่องยนต์ร้อน
    • เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ
    • ต่อทะเบียนรถให้เรียบร้อย
    • รับประทานเครื่องดื่มกระตุ้นประสาทชนิดเข้มข้น
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
    • เติมน้ำมันให้เต็มถัง
    • เหยียบเบรกและคลัทช์พร้อมกัน
    • เหยียบแบรกแรงๆ โดยไม่ต้องถอนเบรก
    • เหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำๆ)
    • เหยียบคลัทช์ก่อน แล้วจึงเหยียบเบรก
    • ออกตัวได้เร็ว
    • จะกระตุกและดับ
    • ควบคุมกำลังรถได้ง่าย
    • รถจะแรง
    • ออกตัวดีขึ้นกว่าเดิม
    • ประหยัดน้ำมัน
    • เข้าเกียร์ง่ายขึ้น
    • ทำให้เกียร์มีเสียงดัง
    • ใช้ความเร็วไม่เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    • เปิดไฟหน้ารถในขณะขับรถ
    • ลดความเร็วลงและเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น
    • เบรกรถอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
    • ทำให้หมุนพวงมาลัยง่ายขึ้น
    • สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
    • สิ้นเปลืองน้ำมันพาวเวอร์
    • ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ
    • ปล่อยให้รถไหลไป แล้วค่อยประคองรถ
    • เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ เข้าเกียร์ว่าง และติดเครื่องใหม่
    • เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
    • เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
    • ให้ชะลอความเร็วและขับรถชิดด้านซ้าย
    • ในทางที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้าไม่ต้องหยุดรอให้รถที่สวนมาผ่านไปก่อน
    • แซงเข้าไปในช่องเดินรถประจำทางได้
    • ในทางแคบที่ไม่อาจสวนกันได้ ผู้ขับรถคันที่เล็กกว่า ต้องหยุดชิดด้านซ้ายให้รถคันที่ใหญ่กว่าไปก่อน
    • หยุดรอในตำแหน่งที่จะเลี้ยวและเลี้ยวได้เมื่อปลอดภัย
    • เร่งความเร็วเพื่อเลี้ยวขวาทันที
    • ควรเลี้ยวให้ทันทีเนื่องจากมีรถคันใหญ่ขวางรถฝั่งตรงข้าม
    • ขับรถไปในช่องทางด้านขวาเพื่อทำการเลี้ยว
    • ระบบเบรก
    • ระบบไฟฟ้า
    • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์
    • ระบบช่วงล่าง
    • ลดความเร็วลงแล้วขับต่อไป
    • หยุดรถทันทีกลางถนนห้ามเคลื่อนย้าย
    • จอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเรียกช่างมาตรวจเช็ค
    • ขับต่อไปเรื่อยๆ
    • ขั้วลบ
    • ขั้วไหนก่อนก็ได้
    • ทั้งสองขั้วพร้อมกัน
    • ขั้วบวก
    • กลับรถที่บริเวณเส้นทะแยงเหลือง
    • เข้าช่องทางให้ถูกต้องและให้กลับรถได้เมื่อปลอดภัย
    • กลับรถในบริเวณที่คับขัน
    • กลับรถช่องทางไหนก็ได้
    • ดื่มสุราก่อนออกเดินทาง
    • เตรียมสภาพรถให้พร้อมใช้งาน
    • ศึกษาเส้นทางที่จะไป
    • เตรียมความพร้อมของร่างกาย
    • เมื่อรถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวา หรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
    • แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายในทางเดินรถช่องทางเดียว
    • แซงรถคันอื่นในช่องทางซ้ายเมื่ออยู่ในเขตชุมชน
    • แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายขณะรถวิ่งบนสะพาน
    • พื้นที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้ผู้ขับขี่เห็นว่าปลอดภัยขับต่อไปได้
    • เขตที่ผู้ขับขี่สามารถนำรถผ่านเข้าไปได้
    • พื้นที่ในทางเดินรถที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้เห็นได้ชัดเจนทุกเวลาสำหรับให้คนเดินเท้าที่ข้ามทางหยุดรอ หรือให้คนที่ขึ้นหรือลงจากรถหยุดรอก่อนจะข้ามทางต่อไป
    • เขตที่คนเดินเท้าสามารถข้ามทางได้โดยไม่ต้องหยุดรอ
    • ไม่มีรถสวนทางมา
    • ทางเดินรถกว้างมาก
    • ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง
    • ทางเดินรถมีน้ำท่วมขัง
    • ในระยะที่จะสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัย
    • ไม่น้อยกว่า 2 เมตร
    • ไม่น้อยกว่า 1 เมตร
    • ไม่น้อยกว่า 3 เมตร
    • ทางเดินรถที่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ
    • บริเวณบนสะพาน
    • ระยะ 150 เมตร จากทางราบของเชิงสะพาน
    • เขตปลอดภัย
    • ลดความเร็วของรถลงและเลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที
    • หยุดรอจนกว่าจะได้รับสัญญาณไฟเขียวจึงเลี้ยวซ้ายไปได้
    • หยุดรอให้คนข้ามถนนและรถที่มาจากทางด้านขวามือขับผ่านไปก่อนแล้วจึงเลี้ยวซ้ายผ่านไป
    • เลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที
    • รถจักรยานยนต์ถูกบดบังจากสิ่งกีดขวางได้ง่าย
    • รถจักรยานยนต์มักจะใช้ความเร็วมากกว่ารถยนต์
    • รถจักรยานยนต์มีสิทธิ์ไปก่อน
    • ตำรวจสายตรวจมักจะใช้รถจักรยานยนต์
    • หยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร
    • ขับรถผ่านไปโดยเร็ว
    • ให้เสียงสัญญาณแตรเตือนและขับผ่านไปได้
    • หยุดรอสัญญาณไฟและเปิดไฟฉุกเฉิน
    • ไม่มีผล เพราะไม่ใช่ฝ่ายผิด
    • ให้สันนิษฐานว่าผู้นั้นเป็นผู้กระทำผิด
    • มีผลให้เป็นฝ่ายถูก
    • จะได้รับการกันไว้เป็นพยาน
    • รถเสียหรือรถเกิดอุบัติเหตุ
    • ปิดได้ตลอดเวลา
    • มีหมอก
    • ผ่านทางแยก
    • ใช้คนดันไป
    • ใช้รถดันไป
    • ใช้สายพ่วงลากจูงไป
    • ใช้วิธีการยกหน้าหรือยกท้ายลากไป
    • ขับรถได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
    • ขับรถชิดขอบด้านขวา
    • ขับรถที่บริเวณไหล่ทาง
    • ขับรถชิดขอบด้านซ้าย
    • พูดคุยกับคนที่อยู่ข้างๆ
    • เปิดวิทยุฟังเพลง
    • ร้องเพลง
    • โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถ
    • ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตาย
    • กล้าได้กล้าเสีย
    • ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้
    • กระต่ายตื่นตูม
    • บีบแตรไล่
    • ขับผ่านไปได้โดยไม่ต้องหยุดรถ
    • ใช้การวัดใจ
    • รถต้องหยุดให้คนเดินเท้าผ่านไปก่อน
    • ลดอุบัติเหตุ
    • จะขับรถด้วยความปลอดภัยมากขึ้น
    • เกิดปัญหาการจราจรติดขัด
    • การจราจรคล่องตัวมากขึ้น
    • ขับรถด้วยความระมัดระวังขณะฝนตก ถนนลื่น
    • ขับรถด้วยความเร็วสูงในที่ที่มีการจราจรพลุกพล่าน
    • ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
    • ให้สัญญาณไฟเพื่อขอแซง
    • จอดรถซ้อนคัน
    • จอดโดยไม่กีดขวางผู้อื่นและไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร
    • จอดรถขวางทางเข้า-ออก
    • จอดบริเวณที่มีเครื่องหมายห้ามจอด
    • เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง
    • เปิดที่ปัดน้ำฝน
    • ใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
    • ลดความเร็วของรถลงกว่าปกติ
    • จอดรถทิ้งไว้กลางถนน
    • นำกิ่งไม้วางไว้ท้ายรถ
    • เผาป่าข้างทางหากเป็นกลางคืน
    • นำรถจอดเข้าข้างทาง, เปิดไฟฉุกเฉิน
    • สีแดง
    • สีเขียว
    • สีเหลือง
    • สีฟ้า
    • เหยียบเบรกทันที แล้วค่อยๆออกตัวเร่งความเร็วใหม่
    • ถอนคันเร่ง เหยียบเบรกเพื่อใช้เกียร์ต่ำ
    • ถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
    • ตั้งสติให้มั่น จับพวงมาลัยให้ดี เร่งความเร็วหนีให้พ้นไป
    • ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และขับรถต่อไป
    • ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และหยุดรถทันที
    • ตั้งสติ จอดรถข้างทาง
    • ที่ปัดน้ำฝน
    • น้ำในหม้อน้ำ
    • น้ำกลั่นแบตเตอรี่
    • ตรวจเช็คประตูหน้าต่างรถ
    • จะหยุดรถได้ตามระยะที่กำหนด
    • ล้อจะล็อค และรถจะหมุน
    • รถจะค่อยๆ ชะลอความเร็วลง
    • ล้อจะล็อค และรถจะหยุดทันที
    • พวงมาลัยรถจะไร้น้ำหนัก
    • พวงมาลัยจะหนัก รถจะเอียง
    • รถหยุดกะทันหัน
    • เบรกจะไม่ทำงาน
    • ลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
    • หักเลี้ยวรถเข้าข้างทางทันที เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
    • เบรกกะทันหัน
    • เหยียบคันเร่งให้มิดเพื่อฝากระโปรงจะได้กระแทกปิด
    • ทำให้เข้าเกียร์ได้ง่าย
    • ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนดีมาก สามารถตัดสินใจได้ดี
    • บังคับพวงมาลัยลำบาก ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่สะดวก
    • ทำให้เบรกรถสะดวก
    • กระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อค
    • ดูว่าเป็นของใหม่หรือไม่
    • ดูว่าเข็มขัดมียี่ห้อหรือไม่
    • ต้องมีสีเข้มๆ
    • ไม่มีผลต่อส่วนใดของรถ
    • เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ
    • ทำให้น้ำมันเกียร์หมดเร็ว
    • เครื่องยนต์กินน้ำมันเครื่อง
    • ถอยช้าๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง
    • ถอยแบบไหนก็ได้
    • ถอยเหมือนกับเดินหน้า
    • ใช้ความเร็วตามสภาพของรถ
    • ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง -ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
    • ปลดเกียร์ว่าง-ขึ้นเบรกมือ-สตาร์ทเครื่องยนต์
    • เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
    • ปลดเบรกมือ-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-สตาร์ทเครื่องยนต์
    • เกียร์ต่ำ
    • เกียร์สูง
    • เกียร์ว่าง
    • เกียร์ใดก็ได้
    • เพื่อเพิ่มกำลังของรถ
    • เพื่อหน่วงความเร็วของรถ
    • เพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์
    • เพื่อเพิ่มความเร็วของรถ
    • ลดความเร็วลง แต่เร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย
    • เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ขับรถด้วยความรวดเร็ว
    • ขับรถด้วยความเร็วปกติ
    • ขับช้าๆ ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควร
    • พยายามไม่ใช้เบรกโดยเด็ดขาด
    • พยายามขับจี้ท้ายรถคันหน้าตลอดเวลา
    • เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลา
    • ฝนตกทำให้ถนนชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่
    • น้ำฝนจะกลายเป็นแผ่นฟิล์มรองรับระหว่างยางกับพื้นถนน
    • ถนนคอนกรีตดูดซับน้ำฝนได้เป็นอย่างดี
    • น้ำฝนจะชะล้างถนนให้สะอาด
    • ทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอย
    • ทางบังคับเลี้ยว
    • ทางเลี้ยวซ้ายออกจากซอย
    • ทางกลับรถ
    • ทดสอบไฟสูง
    • ทดสอบไฟฟ้า
    • ทดสอบสัญญาณแตร
    • ทดสอบระบบเบรก
    • ขึ้นและลงใช้เกียร์ต่ำ
    • ขึ้นใช้เกียร์ต่ำและลงใช้เกียร์สูง
    • ขึ้นใช้เกียร์ต่ำและลงใช้เกียร์ว่าง
    • ขึ้นและลงใช้เกียร์สูง
    • พักผ่อนให้เพียงพอ
    • ดื่มเหล้า
    • กินยาบ้า
    • เที่ยวดึก
    • ตรวจสภาพอากาศ
    • ต่อใบอนุญาตขับรถ
    • ดูหนังสือแผนที่ทางหลวงแผ่นดิน
    • ตรวจแรงดันลมยาง,เบรก,น้ำมันหล่อลื่น
    • เหยียบเบรกแรงๆ
    • ขับรถให้เร็วๆ
    • ขับรถช้าๆ เหยียบเบรกเบาๆ แล้วปล่อยหลายๆ ครั้ง
    • จอดรถเข้าเกียร์ว่างและเร่งเครื่องยนต์ไว้สัก 10 นาที
    • ถนน
    • ผู้ขับขี่รถ
    • สัญญาณไฟจราจร
    • ไฟส่องถนนบริเวณทางร่วมทางแยก
    • มองกระจกมองข้างด้านขวา
    • เปิดไฟเลี้ยวซ้าย หันศีรษะไปด้านซ้าย
    • มองกระจกมองข้างด้านขวา เปิดไฟเลี้ยวขวา พร้อมกับหันศีรษะมองข้ามไหล่ขวาไปทางด้านหลังก่อนออกรถ
    • มองกระจกมองหลัง
    • หยุดรถที่ปลอดภัย เอาน้ำเย็นมาราดเครื่องยนต์
    • หยุดรถที่ปลอดภัย แล้วปล่อยให้เครื่องเย็นก่อน
    • หยุดรถที่ปลอดภัย แล้วเปิดฝาหม้อน้ำ เติมน้ำทันที
    • หยุดรถที่ปลอดภัย แล้วเอาน้ำมาราดเครื่องยนต์
    • เวลานั่งรู้สึกเหมือนรถจะกระตุกอยู่ตลอดเวลา
    • ยางล้อหน้าสึกหรอ และรถกินน้ำมันมากขึ้น
    • ประหยัดน้ำมันแต่เปลืองยาง
    • ประหยัดยางแต่เปลืองน้ำมัน
    • การมองถึงสภาพของถนนที่แตกต่างกัน
    • การมองการเคลื่อนไหวของรถและคน
    • มองไปยังสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับรถ
    • การมองเห็นฝูงสัตว์เลี้ยงกำลังข้ามถนน
    • ตรวจเมื่อไรก็ได้
    • ขณะที่บรรทุกของหนัก
    • ขณะวิ่งใช้งานแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง
    • ขณะที่ยางยังเย็นอยู่
    • จอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน
    • เปิดไฟหน้าเร่งความเร็วผ่านบริเวณที่ฝนตกหนัก
    • เร่งความเร็วให้ผ่านบริเวณที่ฝนตกโดยเร็ว
    • จอดรถทันที
    • ความรวดเร็วในการตัดสินใจ
    • ความเร็วในการเหยียบเบรก
    • น้ำหนักบรรทุกเพิ่มมากขึ้น
    • น้ำหนักบรรทุกลดน้อยลง
    • หยุดรถติดไฟแดง
    • ขับรถลงทางลาดชัน
    • จอดรถ
    • หยุดบนทางลาดชัน
    • สภาพพื้นผิวถนน
    • น้ำหนักบรรทุก
    • น้ำมันหล่อลื่น
    • ความเร็วของรถ
    • ใช้น้ำอุ่นล้างและทาจาระบี
    • ใช้น้ำส้มสายชูล้าง
    • ใช้น้ำมะนาวล้าง
    • ใช้น้ำกลั่นล้าง
    • หันเข้าหาขอบทาง
    • อยู่อย่างไรก็ได้
    • ตรงและขนานกับขอบทางหรือฟุตบาต
    • หันออกจากขอบทาง
    • เปิดไฟส่องสว่างหน้า
    • ขับรถช้าๆ โดยไม่ต้องเปิดไฟ
    • บีบแตรแล้วขับให้เร็วเพื่อป้องกันรถคันหลังชนท้าย
    • เปิดไฟหรี่
    • เติมให้ถึงฝาปิด
    • เติมให้สูงกว่าระดับสูงสุด
    • เติมให้อยู่ระหว่างระดับสูงสุดและต่ำสุด
    • เติมให้ต่ำกว่าระดับต่ำสุด
    • ขับรถช้าในช่องทางด้านขวา
    • ไม่ขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
    • ไม่ให้ขับรถแซงทางด้านซ้าย
    • ขับรถอย่างรวดเร็วในช่องทางด้านขวา
    • เติมค่าที่ต่ำกว่าค่าที่กำหนดเพื่อความประหยัด
    • เติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนตามที่ระบุไว้ในคู่มือรถ
    • เติมสูงกว่าค่าที่กำหนดเพื่อป้องกันเครื่องยนต์เสียหาย
    • เติมค่าเท่าใดก็ได้ตามความสะดวก
    • ขึ้นอยู่กับอาหารการกิน
    • ไม่ใช่
    • ใช่
    • ขึ้นอยู่กับชนิดของยานพาหนะที่ขับขี่
    • ระบบกันสะเทือนจะนุ่มนวลมากขึ้น
    • จะใช้ระยะในการเบรกยาวขึ้น
    • เครื่องยนต์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ
    • ควันไอเสียจะมากขึ้น
    • เร่งความเร็วขณะที่รถข้างหลังกำลังแซงรถของท่าน
    • ไม่แซงหากรถคันหน้ากำลังแซงอยู่
    • แซงได้หากรถข้างหน้าของท่านเปิดไฟเลี้ยวซ้ายและชะลอความเร็วลง
    • ไม่แซงหากมีรถวิ่งสวนมาในระยะใกล้
    • เพราะ จะทำให้หม้อน้ำเป็นสนิมมากยิ่งขึ้น
    • เพราะ จะทำให้เครื่องยนต์ชำรุด
    • เพราะ น้ำในหม้อน้ำจะร้อนมากยิ่งขึ้น
    • เพราะ สำรองเนื้อที่การขยายตัวของน้ำเมื่อเกิดความร้อน
    • ไฟเลี้ยว
    • ปรับกระจกมองข้าม
    • ปรับกระจกมองหลัง
    • ระบบเบรก
    • ความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
    • ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ
    • พิจารณาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บว่ามีกี่คน
    • ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาพยาบาล
    • สภาพร่างกายของผู้ขับขี่และสภาพรถไม่พร้อม
    • คนขับหลับในเนื่องจากเหนื่อยล้า
    • ขับรถในขณะมึนเมา
    • แสงสว่างไม่เพียงพอต่อการมองเห็นในขณะขับรถ
    • ขับรถตรงไปข้างหน้าเพื่อหาศูนย์บริการ
    • ขับรถถอยหลังเพื่อหาที่จอดรถ
    • ชิดทางด้านขวาเพื่อจอดรถ
    • เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินและจอดรถชิดทางด้านซ้าย
    • ตัดต่อเครื่องยนต์
    • ระบายความร้อน
    • ช่วยยึดเกาะถนนไม่ให้ลื่นไถล
    • ทำให้รถมีกำลังขับเคลื่อน
    • เครื่องแรงสตาร์ทติดง่าย
    • ทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์สึกหรออย่างรวดเร็ว
    • ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
    • ยืดอายุการทำงานของชิ้นส่วนเครื่องยนต์
    • หลีกเลี่ยงการใช้เบรกในช่วงระยะทางสั้นๆ
    • เร่วความเร็วและรักษาความเร็วให้สูงในช่วงเวลาสั้นๆ
    • หยุดรถเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงเพื่อให้ระบบเบรกแห้ง
    • ขับรถอย่างช้าๆ ในขณะที่ค่อยๆ เหยียบเบรกเรื่อยๆ
    • ขับตามหลังในระยะกระชั้นชิด
    • คาดการณ์ไว้ว่าผู้สูงอายุที่ขับรถอยู่ข้างหน้าท่านอาจขับรถแย่
    • ตระหนักไว้เสมอว่าผู้ขับรถสูงอายุอาจมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ว่องไว
    • ให้สัญญาณโดยกะพริบไฟและขับแซงขึ้นหน้าเลย
    • หยุดเฉพาะเมื่อมีรถบนถนนหลัก
    • หยุดหลังเส้น และค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น
    • หยุดเฉพาะกรณีที่เลี้ยว
    • หยุดหน้าเส้นในจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
    • บีบแตรเสียงดัง และขับรถผ่านไปอย่างรวดเร็ว
    • ลดความเร็วและหยุดรถด้วยความปลอดภัย เพื่อให้คนข้ามถนน
    • พยายามขับรถผ่านไปอย่างรวดเร็ว
    • เบรกหยุดรถอย่างรวดเร็ว เพื่อให้คนข้ามถนน
    • อยู่ในตัวรถและปิดกระจกทั้งหมด
    • ปิดไฟทั้งหมด
    • เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงาน
    • คาดหวังว่าผู้สูงอายุจะรอ ให้รอผ่านไปก่อนจึงข้าม
    • ระมัดระวังเพราะผู้สูงวัยอาจจะประมาณความเร็วของรถผิดพลาด
    • หยุดรถและโบกมือให้ข้ามถนน
    • เร่งความเร็วเพื่อให้ผ่านไปโดยเร็วที่สุด
    • ถามเพื่อนว่ายาที่รับประทานมีผลต่อการขับรถหรือไม่
    • ดื่มกาแฟสูตรเข้มข้น 1 ชั่วโมงก่อนการขับรถ
    • ขับเป็นระยะสั้นๆ เพื่อสังเกตุดูว่ายาที่ใช้มีผลต่อการขับรถหรือไม่
    • ตรวจสอบฉลากว่ายาที่ใช้มีผลต่อการขับรถหรือไม่
    • ให้สัญญาณแตรเสียงยาว
    • ขับไปจอดต่อท้ายให้ชิดกับรถคันหน้ามากที่สุด
    • หยุดรถให้รถที่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาไปก่อน
    • ขับไปจอดต่อท้ายรถที่เสียพร้อมกับเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน
    • หยุดรถ
    • ชะลอความเร็วและให้ทาง
    • จอดรถ
    • เร่งความเร็วเพื่อจะไปก่อน
    • ใช้เบรกมือร่วมด้วย
    • เปลี่ยนเกียร์และเหยียบเบรกขึ้นลง
    • ตรวจสอบระบบเบรกโดยเร็วที่สุด
    • เพิ่มความดันของลมยาง
    • เพื่อตรวจสอบจุดบอดด้านหลัง
    • เพื่อสามารถทรงตัวได้เมื่อทำการเลี้ยว
    • รถจักรยานยนต์ไม่มีกระจก
    • เพื่อฟังเสียงรถที่วิ่งตามมา
    • ได้เฉพาะรถสาธาณะ
    • ได้ทุกกรณี
    • ได้เฉพาะยานพาหนะส่วนตัว
    • ไม่ควรทุกกรณี
    • ควรกะระยะในการหยุดรถและเบรกอย่างนุ่มนวล
    • ควรเบรกแบบกะชั้นชิด
    • ควรเบรกและหมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายและขวาเล็กน้อย
    • ควรใช้เบรกมือและเบรกเท้าพร้อมกันเมื่อต้องการหยุดรถ
    • กะพริบไฟเพื่อบอกคนขับรถว่าปลอดภัยที่จะไปได้
    • บีบแตรเพื่อเตือนว่ามีรถอยู่
    • อดทนและเตรียมพร้อม เนื่องจากคนขับอาจตอบสนองได้ช้า
    • แซงให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
    • จอรถขวางรถคันอื่นโดยเข้าเกียร์และเบรกมือ
    • ต้องการไปทางตรงแต่ขับรถในช่องจราจรเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาหรือกลับรถ
    • ไม่ใช่ผู้พิการแต่จอดรถในพื้นที่จอดรถของผู้พิการ
    • กลับรถที่จุดกลับรถทุกครั้งแม้จะอยู่ไกล
    • มี แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับขี่
    • มี เช่น มึนงง เวียนศีรษะ มองเห็นไม่ชัด
    • ไม่มี
    • ขึ้นกับความรุนแรงของโรค
    • เติมยางรถยนต์ให้มากกว่าปกติ
    • เปิดเครื่องปรับอากาศรถยนต์ให้แรง
    • เปลี่ยนพัดลมให้แรงขึ้น
    • ตรวจระดับน้ำในหม้อในหม้อน้ำก่อนใช้งานทุกครั้ง
    • แซงรถบรรทุกเฉพาะในกรณีที่ไม่มีรถสวน
    • แซงรถบรรทุก หากมีพื้นที่มากพอ
    • ห้ามแซงรถบรรทุกขณะอยู่ที่ทางแยก
    • ห้ามแซงรถบรรทุกจนกว่ารถบรรทุกจะเริ่มเลี้ยว
    • ปฏิกิริยาการตอบสนองต่อเหตุการณ์ช้าลง
    • ช่วยเร่งปฏิกิริยาการตอบสนองต่อเหตุการณ์
    • ช่วยพัฒนาปฏิสัมพันธ์กับสภาวะรอบตัว
    • ทำให้สามารถรับรู้สถานการณ์เพิ่มขึ้น
    • ผู้ใช้รถจักรยาน อาจจำเป็นต้องเลี้ยวซ้าย
    • ผู้ใช้รถจักรยาน อาจลงจากรถ
    • ผู้ใช้รถจักรยาน อาจหักเลี้ยวกระทันหัน
    • ผู้ใช้รถจักรยาน อาจเร่งความเร็ว
    • หากไม่มีสัญญาณไฟจราจรให้รถคันที่ใหญ่กว่าผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน
    • เมื่อพบป้ายเตือนสัญญาณไฟบริเวณทางร่วมทางแยกให้ขับรถไปตามปกติ
    • เมื่อพบป้ายเตือนทางร่วมทางแยกให้ขับรถด้วยความเร็วปกติ
    • ให้รถที่มีอยู่ในทางร่วมทางแยกขับผ่านไปก่อน
    • ต้องเคลื่อนย้ายอย่างถูกต้อง
    • ต้องทราบว่าผู้บาดเจ็บได้รับบาดเจ็บบริเวณไหน
    • ต้องให้การปฐมพยาบาลก่อนการเคลื่อนย้าย
    • ต้องเคลื่อนย้ายทันทีไม่ต้องดูอาการ
    • คาดคะเนด้วยสายตา
    • เติมเท่าไหร่ก็ได้
    • ปฏิบัติตามคู่มือการใช้รถ
    • ใช้วิธีเคาะแล้วฟังเสียงยาง
    • เว้นระยะให้ห่างจากรถบรรทุกเพื่อที่จะสามารถเห็นด้านหน้าว่าสามารถแซงได้หรือไม่
    • กะพริบไฟเพื่อให้รถที่สวนมาให้ทาง
    • รอด้านหลังรถบรรทุก จนกว่าคนขับจะโบกมือให้สัญญาณว่าผ่านได้
    • ตามหลังอย่างกระชั้นชิดและคอยเคลื่อนที่ออกเพื่อมองถนนข้างหน้า
    • เปิดไฟต่ำเมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าและรถสวนทางมา
    • เปิดไฟหน้า ไฟตัดหมอก และไฟกะพริบฉุกเฉิน
    • เปิดไฟสูง ตลอดเวลาที่ขับขี่
    • เปิดทั้งไฟหน้า และไฟตัดหมอก
    • ขึ้นอยู่กับชนิดของยานพาหนะที่ขับขี่
    • ใช่
    • ไม่ใช่
    • ขึ้นอยู่กับอาหารการกิน
    • จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถให้ปลอดภัย
    • เหยียบคันเร่ง
    • ควรล็อกประตูรถทุกบาน
    • มองกระจกหลัง
    • ให้เด็กนั่งที่นั่งปกติและคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ใหญ่
    • นั่งหลังที่นั่งผู้โดยสาร
    • ให้เด็กนั่งที่นั่งปกติและคาดเข็มขัดนิรภัยร่วมกับผู้ใหญ่
    • นั่งระหว่างเด็กคนอื่นๆ
    • ไม่ขับรถจี้หลังกระชั้นชิด
    • เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อวิ่งตรงบนทางแยก
    • ไม่แซงกระชั้นชิด
    • ใช้สัญญาณไฟเลี้ยวเมื่อต้องการเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน
    • บีบแตรและฟังเสียงว่าปกติหรือเบาลง
    • หมุนพวงมาลัยไปด้านซ้ายและขวา
    • เหยียบคลัตช์และเข้าเกียร์ให้ครบ
    • ออกรถ 2-3 เมตรแล้วทดสอบเบรก
    • ใช้สัญญาณแตรเพื่อเตือนรถพยาบาลให้รู้ว่าท่านจะไปก่อน
    • ขับผ่านไปตามปกติ
    • หยุดรอรถพยาบาลไปก่อน
    • รีบๆ ขับผ่านไปจะได้ไม่ขวางทางรถพยาบาล
    • ระบบช่วงล่าง
    • ยางรถยนต์
    • พวงมาลัย
    • เกียร์
    • รถบรรทุกควบคุมได้ยากในทางตรง
    • รถบรรทุกอาจบดบังรถทางด้านซ้ายได้
    • รถบรรทุกอาจเลี้ยวในทันทีทันใด
    • รถบรรทุกอาจบดบังรถยนต์ที่ทำการแซงได้
    • เริ่มทำการแซง
    • กะพริบไฟ
    • บีบแตร
    • เว้นระยะห่างออกไปอีก
    • คน
    • คน รถ ถนน
    • คน รถ
    • คน รถ ถนน สิ่งแวดล้อม
    • เลี้ยวซ้ายและเว้นระยะห่างจากคนข้ามถนนไว้
    • ให้ทางแก่คนข้ามถนน
    • บีบแตรและทำการเลี้ยว
    • หยุดและโบกมือให้คนข้ามถนนข้ามไปก่อน
    • เปลี่ยนเป็นเกียร์ 1
    • ตรวจจดูรถจักรยานยนต์ที่แทรกตามช่องว่างระหว่างรถ
    • ให้สัญญาณมือ 'ขับช้าลง'
    • บีบแตรและกะพริบไฟ
    • หยุดและใช้เบรกมือ
    • ใช้เกียร์ 1
    • ตรวจดูว่ามีรถที่กำลังจะแซงหรือไม่
    • ปิดไฟเลี้ยวขวา
    • เพื่อดูดอากาศหายใจให้เข้าปอดมากที่สุด
    • เพื่อเป็นทางออกสำหรับผู้ติดอยู่ในรถ
    • เพื่อไม่ให้กระจกรถแตก
    • เพื่อปรับความดันในรถและนอกรถให้เท่ากัน
    • เว้นระยะห่าง
    • บีบแตร
    • ทำตามรถบรรทุก
    • แซงจากทางด้านซ้าย
    • ให้ทั้งรถทางขวาและซ้ายไปก่อน
    • เลี้ยวขวาได้ทันที
    • ให้รถทางขวาไปก่อน
    • ให้รถทางซ้ายไปก่อน
    • รถคันสีขาว
    • รถที่มีความเร็วต่ำกว่า
    • รถคันสีแดง
    • รถที่มีความเร็วสูงกว่า
    • ชะลอความเร็วและเตรียมพร้อมที่จะหยุดรถ
    • เพิ่มความเร็ว
    • ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
    • บีบแตรเพื่อเร่งให้คนรีบเดิน
    • ขับรถชิดซ้าย หรือให้ทางแก่รถฉุกเฉิน
    • ขับรถจี้ท้าย และบีบแตรไล่บนทางด่วน
    • ชะลอความเร็วให้รถคันอื่นแซง
    • ใช้ความเร็วรถปกติ เมื่อมีรถคันอื่นกระพริบไฟขอทาง
    • เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถ
    • ชะลอความเร็ว
    • บีบแตรเพื่อไล่คนเดินเท้า
    • หยุดรถให้คนเดินเท้าข้าม
    • ใช้ความเร็วต่ำ
    • ขับขี่อย่างระมัดระวัง
    • ขับรถด้วยความเร็วสูง
    • ไม่เบรกกระทันหันระหว่างที่ขับขี่อยู่บริเวณที่มีผิวทางชำรุด
    • รอสัญญาณไฟเขียว
    • ก่อนข้ามทางรถไฟต้องตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้ง
    • ขับตามคันด้านหน้าไปได้เลย
    • หยุดรอเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณ
    • ชะลอความเร็วและให้รถประจำทางไปก่อน
    • ไม่ต้องสนใจและขับแซงรถประจำทางไปในทันที
    • เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เพื่อบอกให้รถประจำทางไปก่อน
    • บีบแตรหรือกะพริบไฟสูง
    • ระบบเบรก ABS
    • เบาะสปริงลม
    • แกนพวงมาลัยแบบยุบตัวได้
    • หมอนรองศีรษะที่ปรับระดับได้เหมาะสม
    • เปิดไฟฉุกเฉินในขณะที่หมอกลงจัด
    • เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อกำลังจะเลี้ยวซ้ายบริเวณทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร
    • เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อรถจอดเสียอยู่บริเวณไหล่ทาง
    • เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ขับขี่ท่านอื่นทราบว่าตนจะวิ่งตรงไป
    • เติมน้ำบาดาลในถังหม้อพักน้ำ
    • ควรตรวจสอบการรัดตรึงของหัวขั้วแบตเตอรี่ให้มีสภาพพร้อมใช้งานเสมอ
    • เติมน้ำมันเครื่องโดยเติมให้อยู่ระดับบนเสมอ
    • ควรใช้น้ำกลั่นเติมลงในแบตเตอรี่
    • แจ้งกู้ภัยทางหลวง
    • จอดและสละรถทันที
    • ขับรถลงแม่น้ำข้างทาง
    • ตั้งสติและขับรถจอดข้างทาง
    • ป้องกันลมรั่วซึมและสิ่งสกปรกต่างๆ
    • ป้องกันการขโมยยาง
    • ป้องกันไม่ให้ใครมาเติมลม
    • ป้องกันยางแตก
    • ไม่ขับรถเกินกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    • หลีกเลี่ยงการขับรถบนทางหลวงพิเศษ
    • ขับรถได้เมื่อมีคนโดยสารไปด้วยเท่านั้น
    • ให้ผู้อื่นขับรถแทน
    • ชะลอความเร็วและให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
    • โทรเรียกสายด่วนรถพยาบาล
    • สังเกตการณ์อยู่บนรถ หากไม่ใช่คนรู้จักจึงขับรถไปต่อ
    • จอดรถข้างทางแสดงสัญญลักษณ์เตือนให้ระมัดระวัง
    • การขับขี่จะนุ่มนวลขึ้น
    • ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
    • ดอกยางด้านข้างจะสึกเร็วกว่าปกติ
    • ดอกยางตรงกลางจะสึกหรอเร็วกว่าปกติ
    • งดเว้นการขับขี่ เนื่องจากมีอาการง่วง
    • ขับได้แต่ต้องดื่มน้ำตามเยอะๆ
    • นั่งพัก 10 นาทีจึงสามารถขับขี่รถได้
    • สามารถขับขี่รถได้ปกติ
    • ช่วยลดอากรบาดเจ็บที่คอกรณีเกิดอุบัติเหตุ
    • ช่วยทำให้รักษาตำแหน่งท่าในการขับรถได้ดีขึ้น
    • ช่วยทำให้ผ่อนคลาย
    • ช่วยทำให้สบายมากขึ้น
    • ใส่เกียร์เดินหน้า
    • ใส่เบรกมือไว้
    • ปลดเกียร์ว่าง ไม่ใช้เบรกมือ
    • ใส่เกียร์ถอยหลัง
    • บีบแตรเร่งรถคันหน้าให้เคลื่อนตัวออกโดยเร็ว
    • ชะลอให้รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้าเคลื่อนออกไปก่อน
    • ตรวจสอบรถในทางแยกอื่นที่อาจวิ่งออกมาก่อนที่จะขับเข้าสู่ทางแยกด้านหน้า
    • ค่อยๆ เคลื่อนรถออกโดยทิ้งช่วงห่างกับคันหน้าพอสมควร
    • ขณะที่เครื่องยนต์ยังเย็นอยู่
    • ขณะที่จอดรถบนเนิน
    • หลังดับเครื่องยนต์ทันที
    • ขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน
    • น้ำมันหมด
    • เครื่องยนต์อุณหภูมิสูงผิดปกติ
    • ไม่มีข้อใดถูก
    • หัวเทียนดับ
    • ให้สัญญาณแตร และลดความเร็วลง
    • ให้สัญญาณไฟฉุกเฉิน
    • ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย ชิดซ้าย และลดความเร็วลง
    • ให้สัญญาณไฟสูง และลดความเร็วลง
    • ขับรถด้วยความเร็วเท่าเดิมและให้สัญญาณไฟสูง
    • ลดความเร็วลงและเตรียมที่จะหยุดรถ
    • จอดรถและโบกมือให้เด็กไปเก็บลูกบอล
    • ขับรถด้วยความเร็วเท่าเดิมและให้สัญญาณแตร
    • ด้านการขับขี่
    • ด้านความปลอดภัย
    • ด้านหน้า หลัง ซ้าย ขวา
    • ด้านข้างๆ
    • เปิดไฟสัญญาณไฟฉุกเฉิน
    • บีบแตรไล่และพยายามขับเบียดแทรกอย่างรวดเร็ว
    • หยุดรอจนกว่ารถที่ขวางทางจะผ่านไป
    • บีบแตรอย่างต่อเนื่อง
    • น้ำกลั่นแบตเตอรี่แห้ง
    • น้ำมันเครื่องแห้ง
    • น้ำในหม้อน้ำแห้ง
    • สายพานพัดลมขาด
    • ช่วยประหยัดน้ำมัน
    • เพิ่มการทรงตัวของรถ
    • ลดการสึกหรอของผ้าเบรก
    • เพื่อเป็นการหน่วงความเร็วของรถ
    • เปลี่ยนเกียร์ขณะเข้าทางโค้ง
    • เหยียบเบรกกะทันหันขณะเข้าทางโค้ง
    • ใช้ความเร็วสูงกว่าที่กำหนด
    • ลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง
    • ให้ผู้ขับขี่ขับรถอย่างรวดเร็ว
    • ให้ผู้ขับขี่ชะลอความเร็วลง และรีบเร่งเครื่องไปก่อน
    • ให้ผู้ขับขี่ ขับรถให้ช้าลง แล้วแซงได้
    • ขับรถให้ช้าลง หากเห็นรถคันอื่นหรือคนเดินเท้าในทางขวางหน้า ต้องหยุดรถก่อนถึงแนวเส้นให้ทาง
    • ที่จอดรถที่ว่างอยู่
    • รถที่ตามหลังมา
    • รถที่จอดอยู่อาจเปิดประตู
    • พื้นผิวถนนที่ขรุขระ
    • ระบบระบายความร้อนเสีย
    • ระบบระบายความร้อนอยู่ในระดับดีมาก
    • เกิดความผิดปกติในระบบระบายความร้อน
    • ระดับปกติ
    • โค้งศีรษะแสดงความขอบคุณ
    • เปิดไฟสูงแสดงการขอบคุณ
    • ส่งยิ้มแสดงการขอบคุณ
    • ยกมือขวาขึ้นระดับคิ้วแสดงการขอบคุณ
    • ขึ้นอยู่กับอาหารการกิน
    • ขึ้นอยู่กับชนิดของยานพาหนะที่ขับขี่
    • ใช่ เพราะทำให้ร่างกายตอบสนองช้า
    • ไม่ใช่
    • ทำให้ประหยัดน้ำมัน
    • ทำให้รถวิ่งเร็วขึ้น
    • ระบายความร้อนในห้องผู้โดยสาร
    • ระบายความร้อนของเครื่องยนต์
    • ชนฟุตบาทหรือริมถนน
    • ชนแบบประสานงา
    • ชนจากทางด้านข้าง
    • ชนเดินคนเท้า
    • รับประทานยาแก้ปวด แล้วขับรถกลับบ้าน
    • ขับรถกลับบ้าน ถ้ายังมีสติ
    • รอเป็นระยะเวลาสั้นๆ แล้วค่อยๆขับรถกลับบ้าน
    • รอจนกระทั่งร่างกายมีความพร้อมในการขับรถ
    • เหยียบเบรกอย่างค่อยๆ และช้าๆ
    • เหยียบเบรกอย่างค่อยๆ อย่างรวดเร็ว
    • เหยียบเบรกอย่างช้าๆ แต่เต็มที่
    • เหยียบเบรกอย่างรวดเร็วและเต็มที่
    • การขับขี่จะแข็งกระด้าง
    • ดอกยางตรงกลางจะสึกเร็วกว่าปกติ
    • ทำให้ดอกยางทางด้านข้างทั้งสองสึกหรอ
    • ทำให้กินน้ำมันน้อยลง
    • ขับรถตามหลังท้ายคันหน้าอย่างกระชั้นชิดโดยไม่หยุดให้คนข้ามถนน
    • แตะเบรกเตือนให้รถหลังรู้ว่าท่านกำลังจะหยุดรถ และหยุดรถตรงทางข้าม
    • ขับรถแซงคันที่จอดรถให้คนข้ามและขับผ่านไปโดยเร็ว
    • บีบแตรเตือนคนที่จะข้ามถนนและเร่งความเร็วผ่านไป
    • สัปดาห์ละครั้ง
    • เดือนละครั้ง
    • ทุกครั้งก่อนใช้งาน
    • วันละครั้ง
    • ลดความเร็วลงและเพิ่มความระมัดระวัง
    • ให้สัญญาณเตือนผู้คนในระแวกนั้น
    • ขับรถชิดขอบทางด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง
    • พยายามใช้ความเร็วคงที่ในการผ่านบริเวณนั้น
    • เครื่องยนต์อาจจะระเบิด
    • เครื่องยนต์มีเสียงดัง
    • เครื่องยนต์จะดับ
    • เครื่องยนต์มีแรงดันสูง น้ำร้อนอาจพุ่งขึ้นมา
    • ติดต่อรถช่วยเหลือฉุกเฉิน
    • พยายามให้ผู้บาดเจ็บดื่มอะไรบางอย่าง
    • เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บออกจากรถ
    • หยุดรถคันอื่นๆ และขอความช่วยเหลือจากคนขับรถ
    • ระบบปล่อยควันเสียบกพร่อง
    • กระปุกเกียร์บกพร่อง
    • ระบบเบรกบกพร่อง
    • ระบบไฟฟ้าบกพร่อง
    • เปิดไฟเลี้ยวซ้าย และโบกมือให้รถทางด้านหลังแซง
    • เคลื่อนที่ไปติดด้านซ้ายและเส้นกลางของถนน
    • เพิกเฉยต่อคนขับรถด้านหลัง และขับต่อไปด้วยความเร็วภายใต้ที่กฎหมายกำหนด
    • ลดความเร็วลง โดยเพิ่มระยะห่างจากรถด้านหน้าเพื่อให้มีระยะหยุดรถเพียงพอ
    • ลดความเร็วลง
    • ใช้สัญญาณแตรเตือน
    • เร่งความเร็วขึ้น
    • เปิดไฟสูงเตือน
    • รถโดยสารอาจเคลื่อนที่โดยฉับพลัน
    • ผู้เดินเท้าอาจเดินออกมาทางข้างหลังรถโดยสาร
    • รถโดยสารอาจเสียอยู่
    • ไม่ต้องระวัง เนื่องจากเป็นถนนฝั่งตรงข้าม
    • นางสาว ก. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับรถ
    • นางสาว ข. ทานยาแก้แพ้ก่อนขับรถ
    • นางสาว ค. อดนอนก่อนขับรถ
    • นาย ข ได้ยาเบาหวานแบบฉีดจึงหยุดขับรถ
    • ปรับกระจกมองข้างและมองหลังให้เหมาะสม
    • ติดตั้งเบรกที่มีสมรรถนะสูง
    • ขณะถอยหลัง ควรให้แน่ใจว่าไม่มีคนหรือสิ่งของอยู่ข้างหลัง
    • นั่งท่าขับรถที่ถูกต้อง
    • เร่งความเร็ว
    • ลดความเร็ว
    • เปลี่ยนทิศทาง
    • รักษาความเร็วให้คงที่
    • ขับด้วยความเร็วคงที่
    • เปิดไฟหน้าในขณะขับรถ
    • บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด
    • ระยะการปรับเบรกปกติ
    • เร่งความเร็วเพื่อทิ้งระยะจากรถด้านหลัง
    • รักษาระยะและให้รถด้านหลังทำการแซง
    • โบกมือให้รถด้านหลังแซงได้เมื่อเห็นว่าปลอดภัย
    • ขับรถเข้าใกล้รถคันหน้า เพื่อให้รถด้านหลังไม่มีพื้นที่ในการแซง
    • ผู้บาดเจ็บที่มีน้ำหนักน้อย
    • สำหรับผู้บาดเจ็บที่ไม่รู้สึกตัว
    • เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่รู้สึกตัวดี
    • เหมาะที่จะใช้ในกรณีฉุกเฉิน
    • ลดความเร็วและกะพริบไฟสูงใส่คนพิการ
    • หยุดรถให้คนพิการข้ามผ่านทางไปก่อน
    • เร่งความเร็วและขับอ้อมไปทางด้านขวาของคนพิการ
    • หยุดและให้สัญญาณแตรจนกว่าคนพิการข้ามจนพ้นทาง
    • เครื่องยนต์เย็นจัด
    • เครื่องยนต์อุณหภูมิปกติ
    • ไม่มีข้อใดถูก
    • เครื่องร้อนจัด (Over Heat)
    • ผู้บาดเจ็บในกรณีฉุกเฉิน
    • ผู้บาดเจ็บที่ไม่รู้สึกตัว
    • ผู้บาดเจ็บที่ลำตัว หรือกระดูกหัก
    • ผู้บาดเจ็บที่ขาเจ็บ แต่รู้สึกตัวดี และสามารถใช้แขนทั้งสองข้างได้
    • เมื่อท่านต้องการขับผ่านสี่แยกไปในทิศทางตรง
    • เมื่อท่านขับรถด้วยความเร็วต่ำเนื่องจากฝนตกหนัก
    • เมื่อรถของท่านเสีย หรือ เกิดอุบัติเหตุ
    • เมื่อท่านขับรถด้วยความเร็วต่ำขณะที่กำลังหลงทาง
    • ถนนยิ่งแคบยิ่งต้องขับช้าๆ และแซงด้วยความระมัดระวัง
    • ให้สัญญาณไฟเลี้ยว ก่อนแซงทุกครั้ง
    • เมื่อแซงรถคันหน้าแล้วปาดหน้าชิดซ้ายทันที
    • ไม่แซงในที่คับขันหรือเขตห้ามแซง
    • ขับรถเก่งคล่องแคล่ว
    • ขับรถช้า ใจเย็น
    • ขับรถดีไม่เกิดอุบัติเหตุ
    • ขับรถอย่างมีสติเคร่งครัดวินัยจราจรแสดงออกถึงมารยาทและน้ำใจ
    • สายพานหย่อน
    • น้ำมันเชื้อเพลิงหมด
    • ขั้วแบตเตอรี่หลวม
    • มอเตอร์สตาร์ทเสีย
    • การเติมน้ำมันควรเติมในช่วงกลางวันเท่านั้น
    • เติมน้ำมันค่าออกเทน 95 แทนออกเทน 91 ไม่ได้
    • ไม่ควรเติมน้ำมันหล่อลื่นลงไปผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง
    • น้ำมันที่แพงคือน้ำมันที่ดีที่สุด
    • ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV ไม่สามารถขับรถได้
    • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ไม่สามารถขับรถยนต์ส่วนตัวได้
    • ผู้ป่วยที่มีสายตาสั้น ไม่สามารถขับรถยนต์สาธารณะได้
    • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงขณะปรากฏอาการไม่ควรขับรถ
    • เพื่อทัศนวิสัยในการมองเห็นได้ดีที่สุด
    • เพื่อให้มีพื้นที่ในการเร่งความเร็ว โดยจะช่วยให้ทำการแซงได้เร็วขึ้นในช่วงทางโค้งที่เป็นจุดบอด
    • เพื่อให้มีพื้นที่ให้รถคันอื่นสามารถแซงได้
    • เพื่อให้มีพื้นที่ในกรณีที่รถบรรทุกหยุด
    • เร่งความเร็วเพื่อขอทางไม่ให้กลับรถ
    • หงุดหงิด บีบแตรไล่ แต่หยุดรถให้
    • หลบรถโดยแซงไปอีกช่องทางหนึ่ง
    • มีน้ำใจชะลอความเร็วและให้ทางแก่ผู้กลับรถ
    • โบกมือให้คนนั่งรถเข็นหยุดรอ
    • ขับต่อไป
    • โบกมือให้คนนั่งรถเข็นข้ามได้
    • เตรียมพร้อมที่จะหยุด
    • จะต้องปลอดภัยไว้ก่อน โดยไม่นึกถึงรถคันอื่นบนท้องถนน
    • การป้องกันไว้ก่อน เพื่อตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์
    • ไม่จำเป็นต้องคิดอะไร เพื่อจะเกิดอุบัติเหตุค่อยแก้ไขปัญหาทันที
    • ขับรถไปตามปกติเพราะรถเรามีการป้องกันอุบัติเหตุที่ดีอยู่แล้ว
    • ตรวจสอบว่าหายใจเป็นปกติหรือไม่
    • ใช้น้ำเย็นสาดใส่หน้าผู้บาดเจ็บ
    • เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปยังที่ที่สบายกว่า
    • ถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุ
    • การเหยียบเบรกและคันเร่งอย่างรุนแรง
    • การควบคุมพวงมาลัยที่ไม่ดี
    • การใช้เกียร์สูงเป็นเวลานาน
    • การเร่งความเร็วช่วงทางโค้ง
    • มีจิตสำนึกในการขับขี่อย่างรับผิดชอบ
    • ขับรถด้วยความเร็วสูงเพื่อให้ถึงปลายทางก่อนที่จะมืด
    • ทำความคุ้นเคยกับรถที่จะขับขี่ ในกรณีที่เป็นรถที่ไม่เคยขับขี่มาก่อน
    • พักผ่อนให้เพียงพอและไม่ดื่มสุรา
    • ให้เด็กนั่งที่นั่งปกติและคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ใหญ่
    • เปลี่ยนเบาะนั่งสำหรับเด็กให้หันออกไปยังหน้ารถ
    • ขอให้คนโดยสารอุ้มเด็กไว้
    • ปิดการใช้ถุงลมนิรภัย
    • ใช้เทปรัดให้แน่นขึ้น
    • ทำการเปลี่ยนท่อใหม่
    • ใช้ไปได้จนกว่าจะรอยหยดของน้ำมัน
    • สลับท่อไปไว้ในท่อแรงดันต่ำ
    • เพราะรถจักรยานยนต์อนุญาตให้ต้องวิ่งทางด้านขวา
    • เพราะตำรวจจราจรมักใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ
    • เพราะรถจักรยานยนต์มีสิทธิ์ใช้ทางก่อนรถยนต์เสมอ
    • เพราะรถจักรยานยนต์มีขนาดเล็กและสังเกตเห็นได้ยาก
    • โรคลมชัก
    • โรคเหงือกอักเสบ
    • โรคหัวใจขาดเลือด
    • เบาหวาน (ใช้ยาฉีด)
    • เติมชนิดที่ถูกเข้าไปเพื่อทำให้เจือจาง
    • ขับไปให้หมดถังแล้วเติมชนิดที่ถูกเข้าไป
    • ทำการเปลี่ยนถ่ายออกทันที
    • ขับไปถ้ามีผลต่อเครื่องยนต์ค่อยถ่ายออก
    • ขับเปลี่ยนเลนเพื่อแซงรถขึ้นไปให้พ้นสัญญาณไฟแดง
    • บีบแตรเร่งรถคันหน้าให้ขับเร็วขึ้น
    • ชะลอรถและหยุดรถหลังเส้นให้หยุดรถ
    • ขับตามคันหน้าไปโดยฝ่าสัญญาณไฟแดง
    • ไม่ควรขับรถต่อไปเนื่องจากอาจเกิดไฟไหม้ได้
    • นำขวดมารองน้ำมันที่รั่วและขับต่อไป
    • ใช้เทบรัดและขับไปหาช่าง
    • ขับไปหาศูนย์บริการเพื่อทำการซ่อม
    • ดูกระจกเป็นระยะ
    • มองป้ายโฆษณาบริเวณข้างทาง
    • ตรวจสอบจุดบอดของรถเป็นระยะๆ
    • มองไปข้างหน้าในระยะไกล 200-300 เมตร
    • จอดรถข้างทาง
    • เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ตั้งสติ รีบออกจากตัวรถทันที
    • ถอดขั้วแบตเตอรี่
    • จะทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้า
    • จะทำให้เสียเวลาในการเดินทาง
    • จะทำให้เปลืองน้ำมัน
    • จะทำให้ผ้าเบรกไหม้
    • เพิ่มความเร็วขึ้น
    • ขับตามปกติ
    • จอดรถทันที
    • การลดความเร็วลง
    • น้ำกรด
    • น้ำยาหล่อเย็น
    • น้ำกลั่น
    • น้ำมันเครื่อง
    • เติมน้ำในถังหม้อพักน้ำเมื่อเครื่องยนต์เย็นลง
    • เปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อน
    • ปิดแอร์ เปิดหน้าต่างและจอดรถ
    • เอาน้ำราดลงไปที่เครื่องยนต์จะทำให้เครื่องยนต์เย็น
    • แจ้งกู้ภัย
    • ให้สัญญาณเพื่อเตือนให้รถอื่นทราบ
    • แจ้งประกันภัยรถยนต์
    • แจ้งตำรวจ
    • เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนและตามด้วยสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
    • เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
    • ไม่จำเป็นต้องเปิดสัญญาณไฟหากรถคันหน้าขับด้วยความเร็วต่ำ
    • เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา และแซงได้เมื่อปลอดภัย
    • รอจนกว่ารถคันข้างหลังของท่านจะให้สัญญาณแตร แล้วจึงออกรถ
    • ขับรถผ่านทางแยกไปโดยเร็ว เพื่อไม่ให้รถคันหลังเสียเวลา
    • ตรวจสอบการจราจรรอบๆ ข้างก่อน เมื่อปลอดภัยจึงออกรถ
    • ปฏิบัติอย่างไรก็ได้ แล้วแต่ผู้ขับขี่
    • เปลี่ยนไปเข้าเกียร์ว่าง
    • ติดเครื่องใหม่
    • เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ทำการเบรกทันทีเพื่อไม่ให้รถไหล
    • ปรับแต่งท่อรถให้มีเสียงดังเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
    • ดัดแปลงไฟหน้ารถให้สว่างโดยผิดจากที่กฎหมายกำหนด
    • ปฏิบัติตามกฎจราจรตลอดเวลาที่ขับขี่โดยไม่ต้องรอให้ตำรวจจราจรบังคับ
    • เปิดไฟฉุกเฉิน เมื่อจอดรถในที่ห้ามจอด
    • เครื่องยนต์
    • กระปุกเกียร์
    • เบรก
    • ยางรถ
    • ขับรถให้เร็วขึ้น
    • ลดความเร็ว
    • จอดรถทันที
    • ขับตามปกติ
    • ขับรถจี้ท้ายรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันรถอื่นวิ่งสวนทางเข้ามาชน
    • ขับรถย้อนศรเพื่อประหยัดน้ำมัน
    • ขับรถแล้วเจอแสงแดด ยกมือขึ้นมาป้องเพื่อป้องกันแสงเข้าตา
    • ขับรถด้วยความเร็วไม่เกินที่กำหนด และปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
    • เปิดไฟสูงตลอดเวลาในการขับรถเวลากลางคืน
    • แซงรถคันข้างหน้าขณะเข้าโค้ง
    • แซงด้านซ้ายในถนน 2 ช่องจราจร เมื่อรถคันหน้าขับช้า
    • เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถได้ทัน
    • ปลดล็อกประตูทุกบาน
    • พยายามสตาร์ทเครื่องยนต์
    • หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้ารถเพื่อปรับความดันให้เท่ากับภายนอกรถ
    • เปิดประตูเมื่อความดันภายในและภายนอกรถเท่ากัน
    • เครื่องยนต์มีอาการสะดุด
    • เมื่อรถเคลื่อนตัวจะรู้สึกว่ารถออกตัวเร็วขึ้น
    • เมื่อหมุนพวงมาลัยจะรู้สึกหนัก
    • เมื่อรถเคลื่อนตัวจะรู้สึกว่ารถเร่งความเร็วไม่ขึ้น
    • พยายามขับให้ชิดคันหน้าเพื่อไม่ให้รถในซอยแทรกออกมา
    • เปิดทางให้รถออกจากซอยได้บ้างสลับกับรถทางตรง
    • บีบแตรหรือให้สัญญาณไฟเตือนรถที่จะออกจากซอยก่อนขับผ่านไป
    • ขับรถผ่านซอยด้วยความเร็วเพื่อส่งสัญญาณว่าขอไปก่อน
    • ใช้เกียร์ต่ำและค่อยๆเหยียบเบรก
    • ใช้เกียร์สูงและค่อยๆเหยียบเบรก
    • ใช้เกียร์สูงและเหยียบเบรกเต็มที่
    • ใช้เกียร์ต่ำและหลีกเลี่ยงการใช้เบรก
    • หากพบเห็นผู้ที่เมาแล้วขับให้ขับขึ้นไปปาดหน้า
    • หากพบรถที่ขับขี่ผิดปกติ ชะลอความเร็ว เว้นระยะห่างจากรถ ไม่เข้าใกล้หรือแซงระยะกระชั้นชิด
    • เมื่อผ่านสี่แยกในช่วงกลางคืน หากพบว่าไม่มีรถ ควรรีบเร่งความเร็วให้พ้นสี่แยก เพื่อไม่ให้เสียเวลา
    • ขับรถตามหลังอย่างกระชั้นชิด
    • เปิดไฟฉุกเฉินและนำรถจอดเข้าข้างทาง
    • นำสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมมาไว้ท้ายรถของท่าน
    • ก่อกองไฟข้างทางในกรณีที่รถของท่านเสียเวลากลางคืน
    • จอดรถทิ้งไว้กลางถนน
    • ขับตามรถใหญ่ในระยะกระชั้นชิด
    • รักษาระยะห่างในระยะปลอดภัย
    • แซงไปทางด้านซ้าย
    • ให้สัญญาณแตร
    • ป้องกันการแซง
    • ป้องกันรถสวนทางมา
    • ป้องกันรถจักรยานยนต์ตัดหน้า
    • ป้องกันการชนกรณีคนวิ่งข้ามตัดหน้ารถ
    • ลดความเร็วและโบกมือให้ผู้ใช้รถจักรยานข้ามไป
    • เร่งความเร็วผ่านไปและบีบแตรเตือน
    • ลดความเร็วและเตรียมหยุดให้รถจักรยานไปก่อน
    • เบรกอย่างรวดเร็วและกะพริบไฟ
    • ขณะขับในทางตรง
    • ขณะขับบนถนนที่รถขับสวนทางกัน
    • ขณะขับบนถนนเดินทางเดียว
    • ขณะที่กำลังจะเลี้ยวซ้าย
    • จอดรถบนพื้นราบ เช็กน้ำมันขณะยังไม่ติดเครื่อง หรือดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 10 นาที
    • จอดรถบนพื้นราบ เช็กน้ำมันขณะยังติดเครื่องยนต์ หรือดับเครื่องยนต์ทันที
    • จอดรถบนพื้นราบ เช็กน้ำมันขณะยังติดเครื่องยนต์อยู่
    • จอดรถบนพื้นราบ เช็กน้ำมันหลังดับเครื่องยนต์ทันที
    • ทำความสะอาดหม้อน้ำ
    • หล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่เพื่อลดการสึกหรอ
    • ระบายความร้อนออกจากหม้อน้ำ
    • ระบายความร้อนจากผ้าเบรก
    • การขับรถในเขตชุมชนต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติ
    • เมื่อวิ่งตามหลังรถคันหน้าสามารถเปิดไฟสูงได้ เพราะไม่มีผลต่อการขับขี่ของรถคันหน้า
    • เมื่อมีรถวิ่งสวนมาเวลากลางคืนควรใช้ไฟต่ำ
    • ช่วงเวลากลางคืน จะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติ
    • เหยียบเบรกอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดรถ
    • ตั้งกระจกให้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ทำให้ตาพร่า
    • เปิดปิดไฟข้างไปมา
    • ตั้งกระจกสะท้อนไปยังคนขับรถคันอื่น
    • ลดความเร็วของรถลง
    • หยุดรถข้างทางทันที
    • เปิดไฟฉุกเฉินและรีบขับผ่านบริเวณนั้นไป
    • เร่งความเร็วของรถเพื่อให้ผ่านฝนไปให้เร็ว
    • ใช้ระยะทางมากขึ้น เวลาในการแซงเท่าเดิม
    • ใช้ระยะทางและเวลาในการแซงน้อยลง
    • ใช้ระยะทางเท่าเดิม เวลาในการแซงมากขึ้น
    • ใช้ระยะทางและเวลาในการแซงมากขึ้น
    • ขว้างกระป๋องเครื่องดื่มออกนอกตัวรถขณะรถวิ่ง
    • ทิ้งขยะบนไหล่ทางหรือเกาะกลางถนน
    • ไม่ใช้เสียงแตรไล่คนเดินเท้า
    • เปิดเพลงเสียงดังแล้วเปิดกระจกรถรบกวนผู้อื่น
    • สภาพการจราจรคล่องตัว
    • เวลากลางคืนแสงไฟสว่างเพียงพอ
    • เวลากลางวันไม่มีฝนตก
    • ฝนตก มีหมอก ถนนลื่น
    • หากท่านคิดว่าท่านขับได้เร็วกว่ารถที่สวนมาแล้ว จึงทำการแซงได้ทันที
    • เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินแล้วแซงไปได้เลย
    • หยุดรอให้รถที่ขับสวนมาผ่านไปก่อนแล้วค่อยขับผ่านไปได้
    • ขับผ่านไปได้เลยโดยไม่ต้องสนใจรถที่สวนมา
    • เพราะรถจักรยานและรถจักรยานยนต์เป็นรถที่สังเกตเห็นได้ยากเนื่องจากขนาดเล็ก
    • เพราะรถจักรยานและรถจักรยานยนต์อาจต้องการจะเลี้ยวเข้าข้างทางได้
    • เพราะรถจักรยานและรถจักรยานยนต์อาจจะลดความเร็วเพื่อให้ท่านเลี้ยวไปก่อนได้
    • เพราะรถจักรยานและรถจักรยานยนต์อาจจะไม่เห็นว่าท่านต้องการเลี้ยว
    • เมื่อขับรถอยู่บนทางหลวงพิเศษ
    • เมื่อเข้าสู่ถนนเดินรถทางเดียว (one-way)
    • เมื่อขับรถอยู่บนทางคู่
    • เมื่อเข้าสู่ทางโค้งและทางแยก
    • ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นเข้าใจว่าเป็นรถที่ขับเร็ว
    • ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นสับสนว่ารถคันที่เปิดไฟฉุกเฉินกำลังเลี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ง
    • ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นคิดว่ารถกำลังเกิดอุบัติเหตุ
    • ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นคิดว่าเป็นรถที่จอดนิ่งอยู่
    • ความเร็วที่สามารถหยุดรถได้ทัน
    • ความเร็วตามความพึงพอใจ
    • ความเร็วจำกัดตามป้ายสัญญาณ
    • ความเร็วที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ถนน
    • ให้สัญญาณไฟเฉพาะเลี้ยวขวาเท่านั้น
    • ให้สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อต้องการขับรถตรงไป
    • ให้สัญญาณไฟทุกครั้งเมื่อต้องการเลี้ยวซ้ายหรือขวา
    • ไม่จำเป็นต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวาหรือซ้าย
    • ก้านวัดน้ำมันเครื่อง
    • กรองน้ำมันเครื่อง
    • ฝาเติมน้ำมันเครื่อง
    • อ่างน้ำมันเครื่อง
    • ใช้ยางรถที่มีลมยางน้อยเกินไป
    • ใช้ยางรถที่ต่างยี่ห้อกัน
    • ใช้ยางรถใหม่
    • ใช้ยางรถที่มีลมยางมากเกินไป
    • ชะลอความเร็วลงจนท่านคิดว่าปลอดภัย
    • ขับให้ใกล้เคียง 100 กม.ต่อชั่วโมง
    • ออกจากเส้นทางนั้น
    • หยุดรถของท่านทันที
    • เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ชะลอรถแล้วมองซ้าย-ขวา
    • ยกมือขอทาง
    • เร่งความเร็วแล้วบีบบแตรขอทาง
    • ใช้สัญญาณแตรเสียงสั้นเพื่อเตือน
    • ใช้สัญญาณไฟสูงเพื่อเตือน
    • ชะลอความเร็วลง และสังเกตุซ้ายขวาเพื่อความปลอดภัย
    • ใช้สัญญาณแตรเสียงยาวเพื่อเตือน
    • รีบเปลี่ยนช่องทางเดินรถ
    • จอดรถทันที
    • ลดความเร็วลง ชิดซ้าย เปิดช่องทางให้แซง
    • บีบแตร และให้สัญญาณไฟกะพริบรถคันที่สวนทางมา
    • คาดคะเนว่าเราขับรถอย่างไร
    • คาดคะเนว่ารถเราจะเกิดอุบัติเหตุไหม
    • คาดคะเนว่าคนที่ใช้ถนนจะเคลื่อนไหวไปอย่างไร
    • คาดคะเนว่าเราจะเลี้ยวไปทางไหน
    • หยุดรถ โดยให้ส่วนหน้าของรถต้องไม่ล้ำเข้าไปในช่องทางเดินรถที่สวนทางกัน
    • เว้นระยะจากรถด้านหลังให้เพียงพอ
    • ขับรถให้อยู่ในตำแหน่งด้านซ้ายของถนน
    • หยุด จากนั้นใช้เบรกมือและเลือกใช้เกียร์ต่ำ
    • พยายามขับรถเข้าไปให้ใกล้กับรถค้นหน้าเพื่อให้รถค้นหน้าเห็นรถเราได้ชัดเจน
    • เปิดไฟฉุกเฉินขณะทำการแซงรถค้นหน้า
    • ทิ้งระยะห่างระหว่างรถค้นหน้าให้มากกว่าปกติ
    • ใช้ไฟสูงตลอดทางของการขับรถ
    • อย่างน้อย 4 เมตร เหลือพื้นที่ให้รถบรรทุก
    • อย่างน้อย 1 เมตร เพราะอาจมีรถคันอื่นเปิดประตู
    • อย่างน้อย 2 เมตร เหลือพื้นที่ให้รถยนต์แซง
    • อย่างน้อย 3 เมตร เหลือฟื้นที่ให้รถจักรยานยนต์แซง
    • ถอยหลังเข้าก่อนที่คนข้ามถนนจะเริ่มข้าม
    • บีบแตรเพื่อเตือนคนข้ามถนน
    • ให้ทางแก่คนข้ามถนน
    • ได้โบกมือให้คนข้ามถนนหยุดรอ
    • เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลาที่ฝนตก
    • ใช้อัตราความเร็วที่ปลอดภัย
    • เปิดไฟหน้า
    • ทิ้งช่วงห่างจากรถค้นหน้า เผื่อไว้มากๆ
    • หยุดรอที่สัญญาณไฟจนกว่าสัญญาณฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
    • รักษาคามเร็วเดิมและให้สัญญาณแดร
    • เร่งความเร็วเพื่อให้ผ่านทางข้ามไปให้เร็วที่สุด
    • ลดความเร็ว จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีเด็กข้ามถนนแล้วจึงไปต่อ
    • เบรกจะใช้ไม่ได้
    • ยางรถจะแบน
    • พวงมาลัยจะเกิดการสั่น
    • พวงมาลัยจะดึงไปยังด้านใดด้านหนึ่ง
    • ระมัดระวังผู้โดยสารที่ลงจากรถโดยสารประจำทาง
    • บีบแตร
    • เร่งความเร็วแซงรถประจำทางไป
    • ตามหลังรถโดยสารประจำทางอย่างกระชั้นชิด
    • ทานอาหารร้อน ๆ ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • ดื่มนมก่อนดีมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด
    • ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • ติดเครื่องยนต์ไว้
    • ดับเครื่องยนต์
    • ลงจากรถและเดินออกให้ไกล
    • ไม่ต้องทำอะไร
    • ใช้ครัชร่วมกับคันเร่ง
    • ใช้เบรกเท้าเท่านั้น
    • ใช้ทั้งเบรกมือและเบรกเท้า
    • ใช้เบรกมือเท่านั้น
    • ให้รถที่เข้าวงเวียนและจะตรงไปให้ไปก่อน
    • ให้รถทางขวามือของเราที่อยู่ในวงเวียนไปก่อน
    • ให้รถทางข้ายมือของเราที่อยู่ในวงเวียนไปก่อน
    • ให้รถที่เข้าวงเวียนและจะเลี้ยวซ้ายไปก่อน
    • เครื่องร้อนจัด
    • เครื่องเย็น
    • เปิดถังพักสำรองหม้อน้ำเพื่อเดิมน้ำ
    • เปิดตอนเช้าขณะยังไม่ติดเครื่องยุนต์
    • แซงทางด้านซ้าย
    • เคลื่อนที่เข้าใกล้ขึ้น
    • ขับตามหลัง
    • แซงทางด้านขวา
    • บีบแตรทักทาย
    • เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
    • ควรสังเกตจากทั้งบนถนนและทางเท้าเป็นพิเศษ
    • เว้นระยะห่างให้เพียงพอ
    • การเคลื่อนที่ของรถ หรือคนเดินเท้า
    • สภาพผิวจราจร
    • ลักษณะทางภูมิประเทศ
    • ความไม่พร้อมของผู้ขับขี่
    • เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยทันที
    • ประเมินสถานการณ์สงบสติอารมณ์
    • ผู้ช่วยเหลือต้องแน่ใจว่าเราปลอดภัย
    • ประเมินผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต มีจำนวนเท่าใด
    • ทดสอบไฟสูงต่ำ
    • ทดสอบไฟเลี้ยวหลาย ๆ ครั้ง
    • ทดสอบสัญญาณแตร
    • ทดสอบเบรกหลาย ๆ ครั้ง
    • ขับรถตามปกติ
    • ลดปริมาณยาที่ทานลง
    • นำยาติดตัวไปด้วยทั้งหมดเมื่อท่านขับรถ
    • ไม่ขับรถหลังจากทานยาที่ทำให้เกิดอาการง่วง
    • รีบเร่งเครื่องแล้วแซงได้เลย
    • ให้สัญญาณไฟก่อน
    • เปิดไฟฉุกเฉินแล้วแซงได้เลย
    • ให้ดูกระจกก่อน ทั้งด้านข้างและด้านหลังเพื่อตรวจสอบจุดบอด
    • สามารถหยุดรถได้ทันท่วงที
    • มีโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุสูง
    • ความรุนแรงในการบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น
    • สิ้นเปลืองพลังงาน
    • คนผู้นั้นมีโอกาสสูงที่จะเสียชีวิต
    • คนผู้นั้นจะเสียชีวิตทันที
    • คนผู้นั้นจะไม่เป็นอะไรเลย
    • คนผู้นั้นมีโอกาสเจ็บแต่ไม่เสียชีวิต
    • ห้ามแซงโดยเด็ดขาด
    • บีบแตรเพื่อให้รถคันหน้าเคลื่อนตัว
    • แซงโดยทันที
    • ชะลอรถและแซง
    • ให้สัญญาณไฟสูงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ
    • เร่งความเร็วผ่านไปทันที
    • เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะหยุดเสมอ
    • ขับต่อไปโดยไม่ต้องระวังสิ่งใด
    • ขับในระยะปกติเพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่ในการใช้ถนน
    • เว้นระยะให้มากขึ้น เพื่อในกรณีที่รถจักรยานยนต์หักเลี้ยวเพื่อหลบหลุมที่พื้น
    • ขับตามระยะกระชั้นชิด เพื่อที่รถจักรยานยนต์จะได้มองเห็นผ่านกระจก
    • แซงในทันที
    • บีบแตรก่อนทีจะแซง
    • แชงซ้าย ถ้ามีพื้นที่ให้สามารถแซงได้
    • กระพริบไฟเพื่อเตือนรถค้นข้างหน้า
    • ขับอยู่ข้างหลังต่อไปและไม่ทำการแซง
    • เมื่อทำการหยุดรถในสถานการณ์ฉุกเฉิน
    • เมื่อขับรถบนถนนที่มีผิวถนนดี
    • เมื่อขับรถลงทางลาดชัน
    • เมื่อทำการหยุดรถในสถานการณ์ปกติ
    • คนขับรถจักรยานยนต์อาจหยุดกระทันหัน
    • คนขับรถจักรยานยนต์อาจถูกพัดมาด้านหน้ารถ
    • คนขับรถจักรยานยนต์อาจขับเร็วกว่าปกติ
    • คนขับรถจักรยานยนต์อาจขับออกกระทันหันเพื่อหลีกเลี่ยงลม
    • ขับออกไปให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลา
    • หยุดรอให้รถในทางหลักและคนเดินเท้าไปก่อน
    • บีบแตรเพื่อขอทางจากรถคันอื่น
    • ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเลี้ยวก็ได้
    • ลดความเร็วลงและขับด้วยความระมัดระวัง
    • หยุดรถแล้วหลึกเลียงสันทางนั้น
    • เปิดไฟฉุกเฉิน ใช้ความเร็วปกติ
    • เร่งความเร็ว
    • เร่งเครื่องยนต์ก่อนออกรถ
    • ไม่ควรติดเครื่องยนต์ระหว่างจอดรถคอย
    • ขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม
    • ไม่บรรทุกของเกินพิกัด
    • อาจมีคนขายพวงมาลัย
    • รถข้างหน้าอาจจะดับ
    • การจราจรติดชัด
    • อาจจะไปชนกับรถที่วิ่งผ่าฝืนสัญญาณไฟแดงมาอีกทาง
    • ทำให้ระบบเบรกทำงานดีขึ้น
    • ทำให้แอร์ในรถเย็นขึ้น
    • ทำให้เครื่องยนต์ติด
    • ทำให้หมุนพวงมาลัยได้ดี
    • เพื่อตรวจดูรถที่ออกมา
    • เพื่อมองหาคนข้ามถนนที่กำลังจะข้าม
    • เพื่อตรวจดูว่าถนนรองว่าง
    • เพื่อตรวจหารถที่จะทำการแซง
    • เพื่อช่วยให้รถบรรทุกหยุดได้ง่ายขึ้น
    • เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากแรงดูดระหว่างรถ
    • เพื่อให้สามารถกันลมได้ดีขึ้น
    • เพื่อให้คนขับรถบรรทุกสามารถมองเห็นรถของท่านจากกระจกได้
    • เมื่อแท็กซี่อาจหยุดกะทันหัน แก้ไขโดยเว้นระยะห่างให้เหมาะสม
    • เมื่อรถจอดกลางถนนอาจมีคนเปิดประตูแก้ไขโดยให้สัญญาณและลดความเร็ว
    • เมื่อเห็นทางโค้งอาจมีรถวิ่งกินเลนมา แก้ไขโดยลดความเร็ว
    • เมื่อเจอทางสามแยก แก้ไขโดยบีบแตรและเร่งความเร็วชิงเลี้ยวก่อน
    • รถคันไหนไปก่อนก็ได้ หากมาถึงก่อน
    • ให้รถคันสีเขียวไปก่อน
    • ให้รถคันสีน้ำเงินไปก่อน
    • รถค้นไหนไปก่อนก็ได้ หากมีความเร็วสูงกว่า
    • เปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อให้รถดับเพลิงรู้ว่าท่านจะไปก่อน
    • รอให้รถดับเพลิงไปก่อนแล้วจึงเลี้ยว
    • เลี้ยวไปได้เลยโดยไม่ต้องสนใจรถดับเพลิง
    • เลี้ยวขวาไปก่อนรถดับเพลิงจะมาถึง
    • ขับรถออกจากช่องจอดรถได้ทันที
    • เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน
    • ตรวจสอบความปลอดภัยทางด้านขวา
    • ลดกระจกแล้วโบกมือชะลอความเร็ว
    • กะพริบไฟเมื่อเข้าใกล้
    • ให้สัญญาณไฟเลี้ยวช้าย แล้วโบกให้รถโดยสารประจำทางออกไปก่อน
    • รีบแซงก่อนที่รถโดยสารประจำทางจะออกมา
    • ยอมให้รถโดยสารประจำทางออกมาก่อน
    • รอจนกว่ารถข้างหน้าของท่านจะเคลื่อนตัว แล้วจึงขับรถผ่านไปได้
    • พยายามขับแทรกไปทางขวาของรถคันหน้า
    • ขับรถเข้าไปตรงกลางแยก แล้วรอจนกว่ารถข้างหน้าจะเคลื่อนตัว
    • ขับรถเข้าไปต่อคันหน้า
    • รถที่มาถึงทางแยกก่อน
    • รถคันสีเหลือง
    • รถที่มีความเร็วสูงกว่า
    • รถคันสีแดง
    • มองกระจกข้าง ให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวา และเปลี่ยนช่องทางเมื่อปลอดภัย
    • มองกระจกข้าง ให้สัญญาณไฟฉุกเฉิน และเปลี่ยนช่องทางเมื่อปลอดภัย
    • เร่งความเร็วไปข้างหน้าและรีบเปลี่ยนช่องจราจร
    • เร่งความเร็วขึ้นและแซงโดยไม่ต้องมองกระจกข้าง
    • พยายามจะแซงจักรยานก่อนที่จะถึงทางเลี้ยว
    • ชะลอคามเร็วจนกว่าจักรยานจะผ่านทางเลี้ยว
    • ทำการเลี้ยวโดยไม่ต้องสนใจจักรยาน
    • จอดรถเพื่อรถคนขี่จักรยานจะผ่านทางเลี้ยว
    • บีบแตรเพื่อให้รถคันหน้าเร่งความเร็ว
    • ขับต่อไปด้วยความเร็วเท่าเดิม
    • ลดความเร็วลง และให้ทางแก่รถที่เลี้ยวออกมา
    • เปิดไฟฉุกเฉินและขับผ่านไปด้วยความรวดเร็ว